ขมิ้นมีฤทธิ์ต้านการแพ้
สาร curcumin (42-43) และสารสกัดเอทิลอะซีเตทที่ประกอบด้วย monodemethoxycurcumin,
bisdemethoxycurcumin, furulic acid, cafeic acid, p-coumaric acid และ trans-cinnamic acid (43) มีฤทธิ์ต้านการแพ้
ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์คือยับยั้งการหลั่งสาร histamine ของร่างกายเมื่อเกิดปฏิกิริยาการแพ้
สารสกัดเบนซีน บิวทานอล น้ำ เฮกเซน และ เอทิลอะซีเตทจากเหง้าขมิ้น
เมื่อทดลองในหนูขาวและหนูถีบจักร โดยให้ด้วยวิธีกรอกเข้าทางปากในขนาด 300 มก./กก.
มีฤทธิ์ต้านการแพ้ โดยสารสกัดเอทิลอะซีเตทมีฤทธิ์แรงที่สุด
แต่กลไกการออกฤทธิ์ไม่ได้เกิดจากการยับยั้งการหลั่งสาร histamine ของร่างกาย (44) และการศึกษาฤทธิ์ต้าน histamine
ของน้ำมันหอมระเหย (24) สารสกัดน้ำ เบนซีน
บิวทานอล และเอทิลอะซีเตท จากขมิ้น ที่ความเข้มข้น 50 มคก./มล. ในหลอดทดลองพบว่า
สารดังกล่าว มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่ง histamine จาก mast
cell ของหนูขาว (42)
Curcumin
tetrahydrocurcumin (45-46), curcumin-related compounds และสารในกลุ่ม
curcuminoids (47) มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่ง histamine ในเซลล์ basophilic leukemia (RBL-2H3) ของหนูขาว
และ mast cell ของหนูขาว ที่ถูกชักนำด้วย concanavalin
A (con A), calcium ionophore A23187 (45-46)
และ phosphatidylserine (47) โดยพบว่า curcumin และ tetrahydrocurcumin มีฤทธิ์แรง
ค่าความเข้มข้นที่ยับยั้งได้ 50% (IC50) คือ 65.1
และ 79.8 ไมโครโมลาร์ ตามลำดับ ซึ่งในการทดลองมีการสนับสนุนว่าสารในกลุ่ม curcumin จะมีผลกับกระบวนการ degranulation หลังจาก calcium
ion เข้าสู่ mast cell และมีผลยับยั้งการหลั่ง
histamine
สารสกัดเอทิลอะซีเตทและบิวทานอลของขมิ้นมีฤทธิ์ขัดขวางการจับกับ H2-histamine
receptor ของ dimaprit ซึ่งเป็น H2-histamine
receptor agonist การกระตุ้น receptor นี้
จะก่อให้เกิดการสร้าง cyclic AMP (cAMP) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
เมื่อทำการทดลองในเซลล์ U937 และ HL-60 promyelocytes
พบฤทธิ์ขัดขวางการจับกับ H2-histamine receptor สูงสุดในสารสกัดเอทิลอะซีเตท นอกจากนี้
สารสกัดเอทานอลของขมิ้นยังยับยั้งการเข้าจับของ [H3]-tiotidine ที่ membrane receptor ของเซลล์ HL-60 ซึ่ง [H3]-tiotidine
เป็นตัวกระตุ้นการสร้าง cAMP เช่นกัน (48)
0 comments:
Post a Comment